เคยใช้สายดับเพลิงอะไรกันบ้างค่ะ 



ที่ผ่านมาเราจะเห็นสายดับเพลิงติดรถดับเพลิง
อยู่ในตู้ดับเพลิงในห้างสรรพสินค้า โรงงาน




แต่จริงๆแล้วรู้หรือไม่ สายสำหรับดับเพลิงมีหลากหลายชนิด เช่น
• สายดับเพลิงชนิดยาง ทนต่อความร้อน ทนต่อสารเคมี ทนทานต่อการสึกกร่อนได้ดี นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ปิโตรเลียม แก๊ส น้ำมัน เคมีที่มีอันตราย เพราะมีราคาค่อนข้างสูง มีขนาด 1.5” และ 2.5”
• สายดับเพลิงแบบผ้า มีทั้งสีขาวและสีแดง ทนทานต่อความร้อนและการสึกกร่อนได้ดี นิยมใช้ในโรงงานทั่วไป อาคาร คอนโด ห้างสรรพสินค้า
เป็นที่นิยมแพร่หลาย เนื่องจากราคาไม่สูง มีขนาด 1.5” และ 2.5”
สายทั้ง 2 แบบนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันดังนี้
1. สายแบบยางนั้นจะสามารถทนกรด,ด่าง และรังสีอุลตร้าไวโอเลตได้ค่อนข้างดีในขณะที่สายแบบผ้านั้นอาจจะแพ้ กรด, ด่างบางชนิดถึงขนาดว่าถ้าโดนเข้าไปแล้วสายอาจจะเปื่อยยุ่ย
2. สายแบบผ้านั้นต้องการ การดูแลรักษาที่ค่อนข้างมาก หากเป็นไปได้ควรทำความสะอาด และ ตากให้แห้งเพราะจะได้ไม่เกิดเชื้อราขึ้น ส่วนสายแบบยางนั้นเราดูแลรักษาค่อนข้างง่ายแต่ก็ควรทำความสะอาดและตรวจสอบก่อนใช้งานเสมอ
3. สายแบบยางนั้นจะไม่ค่อยทนต่อการขูดขีดที่เกิดจากกะจก, สังกะสี หรือสิ่งอื่นใดที่มีความคม ส่วนสายผ้านั้นหากเจอสิ่งเหล่านี้จะทนได้ดีกว่า แต่ถ้าเป็นตะปูอันนี้ก็ไม่รอดทั้งคู่
คุณสมบัติของสายดับเเพลิงทั้ง 2 ชนิด
1. ปริมาณการจ่ายน้ำสายดับเพลิงขนาด 1.5 นิ้ว จะสามารถจ่ายปริมาณน้ำได้ประมาณ 150 GPM ในขณะที่สายดับเพลิงขนาด 2.5 นิ้ว จะจ่ายน้ำได้ถึง 400 GPM ซึ่งจะเปรียบเทียบได้ในหัวข้อต่อไป
2. น้ำหนักของสายดับเพลิงขนาด 1.5 นิ้วนั้น ที่ขนาดความยาวประมาณ 50 ฟุตหรือ 15 เมตรนั้นจะหนัก 5 กิโลกรัมแต่ถ้าเป็นสายดับเพลิงขนาด 2.5 นิ้วจะหนักถึง 10 กิโลกรัม
เห็นได้ว่าน้ำหนักจะต่างกันถึงครึ่ง นี่เป็นน้ำหนักสายเปล่า ยิ่งถ้ามีน้ำอยู่เต็มสายด้วยแล้วน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว